วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

การจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากผักกาดหัว


หัวไชโป้วหวานผัดไข่

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ไชโป้วหวานผัดไข่


หัวไชโป๊ว ก็คือ หัวไชเท้าที่เอาไปดองแล้ว เป็นอาหารอีกชนิดหนึ่งที่เป็นที่นิยมรับประทานกันมานาน ทั้งยังสามารถเก็บไว้บริโภคได้นานทั้งปี หัวไชเท้าดองมีด้วยกัน 2 ชนิด คือ หัวไชโป๊วดองเค็ม และ หัวไชโป๊วหวาน
อาหารที่นิยมใช้หัวไชโป๊วมาเป็นส่วนประกอบได้แก่ หัวไชโป๊วดองเค็มผัดกับไข่ ไข่เจียวไชโป๊ว และในหน้าร้อนคนไทยนิยมรับประทานข้าวแช่ ซึ่งก็มีหัวไชโป๊วผัดหวานเป็นเครื่องเคียงด้วยเช่นกัน 
หัวไชโป๊ว มีสรรพคุณ ล้างพิษ ขับพิษในร่างกาย ช่วยให้เจริญอาหาร แถมยังช่วยให้นอนหลับง่ายอีกด้วย


ส่วนผสม

   1.หัวไชโป๊วหวานหั่นเป็นเส้น 100 กรัม
                                                                      2.ไข่ 2 ฟอง

  •                                                          3.น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ

4.ซอสหรือน้ำปลา

  •                                           
  •                                        5.กระเทียมบุบ หรือหอมแดงซอย 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ

  • ถ้าใช้หัวไชโป๊วแบบหัว  นำล้างน้ำ  พักให้สะเด็ดน้ำ  หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วสับ  หรือใช้วิธีใส่เครื่องบดตามสะดวก  สับหรือบดให้ได้ละเอียดแบบที่ชอบ
  • ถ้าใช้หัวไขโป๊วแบบเส้น  ถ้าเค็มมาก  ล้างน้ำแล้วบีบน้ำออกให้หมด  การนำไปล้างน้ำช่วยลดความเค็มลงได้บ้าง
  • หัวหอมแดง  ปอกเปลือก  ล้างน้ำ  หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วสับละเอียดพอประมาณ
  • นำกระทะตั้งไฟ  ใส่น้ำมันพืชประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ  รอน้ำมันอุ่น  ใช้ไฟกลางมาทางอ่อน
  • น้ำมันอุ่นแล้วนำหัวหอมสับลงไปเจียวให้หอมและเริ่มเหลืองที่ขอบกระทะ
  • ใส่หัวโชโป๊วที่เตรียมไว้ลงไป  ผัดให้เข้ากัน  และผัดจนหัวไชโป๊วออกกลิ่น  สีของหัวไชโป๊วไหม้ ๆ เล็กน้อย  ใช้ไฟกลาง
  • ชิมรสชาติ  จะมีความเค็มและหวานของหัวไชโป๊วอยู่บ้างขึ้นกับหัวไชโป๊วที่ซื้อมา
  • ปรุงรสตามชอบ  ผัดให้เข้ากัน  อย่าด่วนใจใส่เครื่องปรุงลงไปทีละมาก ๆ
  • ตอกไข่ลงไป  ใช้ตะหลิวยีไข่แดงให้แตกเล็กน้อย  พักเวลาไว้หากอยากได้ไข่เป็นชิ้นเป็นอัน  อย่าเพิ่งรีบกลับ
  • กะเวลาว่าไข่ด้านล่างสุก  ใช้ตะหลิวกลับด้านล่างขึ้นมาด้านบน  ด้านบนลงไปด้านล่าง
  • ไข่สุกทั้งสองด้านแล้วผัดพอทั่ว  ปิดเตา  ตักใส่จาน
  

                                                   วิดิโอ





อ้างอิง

www.knorr.co.th
www.ezythaicooking.com


วันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ต้นโพธิ์ 




ชื่อวิทยาศาสตร์Ficus religiosa Linn.
วงศ์MORACEAE
ชื่อสามัญ Sacred Fig Tree, Pipal Tree, Bodhi Tree, Bo Tree, Peepul
ชื่ออื่นๆ : โพ โพศรีมหาโพ (ภาคกลาง) สลี (ภาคเหนือ) ย่อง (ฉาน - แม่ฮ่องสอน)
ต้นโพธิ์: ไม้ต้นขนาดใหญ่ สูง ๒๐-๓๐ เมตร ลำต้นมีเส้นผ่านศูนย์กลาง ๑.๕-๓ เมตร มียางสีขาว ใบ ใบเดี่ยว ออกเวียนสลับถี่รูปหัวใจ กว้าง ๘-๑๕ เซนติเมตร ยาว ๑๒-๒๔ เซนติเมตร ปลายแหลมเป็นหางยาวโคนเว้ารูปหัวใจ ก้านใบยาว ๘-๑๒ เซนติเมตร ดอก สีเหลืองนวล ออกเป็นช่อที่ซอกใบ แยกเพศขนาดเล็ก จำนวนมาก อยู่ภายในฐานรองดอก รูปคล้ายผล ผล เป็นผลรวมรูปกลม เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ ๐.๘ เซนติเมตร เมื่อสุกสีม่วงดำ
นิเวศวิทยา: ถิ่นกำเนิด อินเดียถึงตะวันออกเฉียงใต้ปลูกได้ทั่วไป
ออกดอก : ตลอดปี
ขยายพันธุ์: เมล็ด
ประโยชน์ : เปลือกต้น ทำยาชงหรือยาต้ม แก้โรคหนองใน ใบและยอดอ่อน แก้โรคผิวหนัง ผล เป็น ยาระบาย
หมายเหตุ : คำว่า “โพธิ” แต่เดิมแล้วมิได้เป็นชื่อต้นไม้ชนิดใดชนิดหนึ่ง หากแต่เป็นชื่อเรียกของต้นไม้ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ทรงประทับใต้ต้นไม้ต้นนั้น ๆ และได้ตรัสรู้ ต้นโพธิ์ จึงมีความหมายว่า ต้นไม้แห่งการตรัสรู้ (โพธิ แปลว่า เป็นที่รู้หรือเป็นที่ตรัสรู้) และยังเป็นต้นไม้ที่ชาวพุทธ พราหมณ์ และฮินดูให้ความเคารพนับถือกันอย่างสูงอีกด้วย

ลักษณะของต้นโพธิ์

  • ต้นโพธิ์ มีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดีย จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ผลัดใบ แตกกิ่งก้านสาขาออกเป็นพุ่มตรงส่วนยอดของลำต้น ปลายกิ่งลู่ลง กิ่งอ่อนเกลี้ยง ตามกิ่งมีรากอากาศห้อยลงมาบ้าง ลำต้นมีความสูงประมาณ 20-30 เมตร ลำต้นมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.5-3 เมตร และมีน้ำยางสีขาว เปลือกต้นเรียบเป็นสีน้ำตาลปนเทา โคนต้นเป็นพูพอนขนาดใหญ่ โดยจัดเป็นพรรณไม้ที่มีรูปทรงของลำต้นส่วนงามชนิดหนึ่ง ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด ใช้กิ่งชำ หรือใช้กระโดงจากราก แต่ส่วนมากแล้วจะเจริญเติบโตจากสัตว์นำพา เช่น นกมากินเมล็ดและไปถ่ายทิ้งไว้ ก็จะเกิดเป็นต้นใหม่ขึ้นมา เจริญเติบโตได้ในดินทุกชนิด ต้องการน้ำปานกลาง พบขึ้นทั่วไปทั้งในทวีเอเชีย ปากีสถาน จีนตอนใต้ และภูมิภาคอินโดจีน ในไทยพบในธรรมชาติน้อยมาก เข้าใจว่ากระจายพันธุ์มาจากต้นที่มีการนำมาปลูกเอง และพบขึ้นมากตามซากอาคาร และนิยมปลูกกันทั่วไปในวัดทุกภาคของประเทศไทย
ต้นโพธิ์
  • ต้นโพธิ์ เป็นไม้ที่มีอายุยืนยาวมากชนิดหนึ่ง แต่เนื่องจากมีกิ่งก้านแยกสาขาออกจากลำต้นมาก จึงทำให้เกิดเชื้อราที่อาศัยความชุ่มชื้นจากน้ำฝนที่ขังอยู่ตามง่ามไม้ แผ่ขยายเข้าทำลายเนื้อไม้จนเป็นโพรง ซึ่งเรามักจะพบเห็นได้ในต้นโพธิ์ที่มีขนาดใหญ่และมีอายุมาก แต่ถ้าเป็นโพรงอย่างรุนแรงก็อาจทำให้ต้นโพธิ์ตายได้เหมือนกัน
โพศรีมหาโพ

  • ใบโพธิ์ ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปใจ ปลายใบแหลมและมีติ่งหรือหางยาว (ปลายติ่งบางใบมีความยาวมากกว่าครึ่งหนึ่งของใบ) โคนใบมนเว้าเข้าหาก้านใบเป็นรูปหัวใจ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 8-15 เซนติเมตร และยาวประมาณ 12-24 เซนติเมตร ผิวใบเกลี้ยงเป็นมัน เนื้อใบค่อนข้างเหนียว ใบมีลักษณะห้อยลง แผ่นใบเป็นสีเขียวนวล ๆ ส่วนยอดอ่อนหรือใบอ่อนนั้นเป็นสีน้ำตาลแดง ก่อนใบจะร่วงหล่นจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ก้านใบยาวและอ่อน มีความยาวได้ประมาณ 8-12 เซนติเมตร มีหูใบยาวประมาณ 0.5-1 เซนติเมตร หลุดร่วงได้ง่าย เมื่อลมพัดจะเห็นจะเห็นใบโพธิ์พลิ้วไปตามต้นใหญ่ดูสวยงาม ส่วนปลีที่หุ้มส่วนยอดอ่อนอ่อนสีครีมหรือสีงาช้างอมชมพู 
ใบโพธิ์
  • ดอกโพธิ์ ออกดอกเป็นช่อกลม ๆ รวมกันเป็นกระจุกภายในฐานรองดอกรูปคล้ายผล โดยจะออกที่ตอนปลายของกิ่ง ดอกย่อยเป็นแบบแยกเพศ ไม่มีก้าน มีใบประดับเล็กที่โคน ฐานดอกเป็นรูปทรงกลม ดอกย่อยมีขนาดเล็กและมีจำนวนมาก มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1-1.5 เซนติเมตร ดอกเป็นสีเหลืองนวล และจะเจริญไปเป็นผล
ดอกต้นโพธิ์
  • ผลโพธิ์ ผลเป็นผลรวม ลักษณะของผลเป็นรูปทรงกลมขนาดเล็ก มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.8 เซนติเมตร ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีชมพูม่วง สีแดงคล้ำ หรือม่วงดำและร่วงหล่นลงมา
ผลโพธิ์
หมายเหตุ : ต้นโพธิ์ในสกุล Ficus จะมีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด คือ โพธิใบ (Ficus religiosa Linn.) ซึ่งกล่าวถึงในบทความนี้ และโพธิขี้นกหรือโพธิประสาท (Ficus rumphii Bl.) ข้อแตกต่างของโพธิทั้ง 2 ชนิดนี้คือ ใบและผลของใบโพธิขี้นกจะมีขนาดเล็กกว่าใบโพธิใบมาก ส่วนผลสุกของโพธิใบจะเป็นสีแดงคล้ำหรือสีม่วงดำ ในขณะที่ผลสุกของโพธิขี้นกจะเป็นสีดำ


วิดิโอ


อ้างอิง
1. www.rspg.or.th
2. www.il.mahidol.ac.th


วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ประวัติส่วนตัว

                                                               ประวัติส่วนตัว


ชื่อ นางสาว สุนิพร ช่อมะลิ
ชื่อเล่น กุ้ง
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/4   เลขที่32
ที่อยู่ ม.11 ต.หนองเต็ง อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ 31160
สามารถติดต่อได้ที่ 0853101672
ลงมาอยู่บนโลกเมื่อ วัน ศุกร์ ที่ 27 เดือน มิถุนายน พ.ศ. 2540
อายุ 18 ปี 
ครูที่ปรึกษา อาจารย์ รัศมี  ขว้างขวาง ชื่อเรียก แม่หมี
อาชีพในฝัน  พยาบาล 
มหาลัยที่อยากเข้าศึกษาต่อ มหาวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีชลบุรี
วิชาที่ชอบ  คณิตศาสตร์
วิชาที่ไม่ชอบ ฟิสิกส์
สีที่ชอบ  สีฟ้า

แผนที่